แม้เส้นทางจะไม่ยากนัก แต่ผลลัพธ์ก็สร้างความมั่นใจและยกระดับความทะเยอทะยานของสโมสรอย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตาม การเตรียมทีมของเชลซีค่อนข้างล่าช้ากว่าคู่แข่ง เพราะเพิ่งกลับมาซ้อมหลังพักสามสัปดาห์ และมีเกมอุ่นเครื่องเพียงสองนัดก่อนเปิดฤดูกาลพบคริสตัล พาเลซ วันที่ 17 สิงหาคม

ภายใต้การคุมทีมของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ซึ่งเคยเกือบโดนปลดหลังพาทีมเสมออิปสวิชในบ้านช่วงเมษายน แต่กลับมาทำผลงานยอดเยี่ยมท้ายซีซั่น และกลายเป็นฮีโร่พาทีมคว้าแชมป์โลกมาได้ ด้วยการจัดแผนการเล่นที่ทำให้เปแอสเชเล่นไม่ออก โดยเฉพาะการเปิดพื้นที่ให้ โคล พาล์มเมอร์ แสดงผลงานโดดเด่น

เชลซีชุดนี้ถือว่ามีขุมกำลังลึกและแข็งแกร่งที่สุดชุดหนึ่งในลีก มีนักเตะระดับท็อปเกือบทุกตำแหน่ง และอาจได้ ชาวี ซิมอนส์ และ อเลฆานโดร การ์นาโช่ เพิ่มเติม แต่ด้วยบทลงโทษทางการเงินจากยูฟ่า 27 ล้านปอนด์ และความเสี่ยงโดนปรับเพิ่มอีก 60 ล้านยูโร หากยังไม่ปฏิบัติตามกฎภายใน 4 ปี สโมสรจึงต้องปล่อยผู้เล่นบางรายออกเพื่อลดค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ อนาคตของสนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ยังไม่ชัดเจน เพราะไม่สามารถขยายได้ง่าย และมีข่าวเรื่องย้ายไป Earl’s Court ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณา

นักเตะเด่นที่ควรจับตา

• เอสเตวาโอ (Estêvão) ดาวรุ่งบราซิลวัย 18 ปี ที่ปฏิเสธเปแอสเช, มาดริด และบาร์ซ่า มาเลือกเชลซี ค่าตัว 52 ล้านปอนด์ หลังโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมในสโมสรโลก เล่นได้ทั้งริมเส้นและเพลย์เมกเกอร์
  

• จอช อาเคมปง (Josh Acheampong) กองหลังวัย 19 ปี สูง 6 ฟุต 3 นิ้ว เล่นได้ทั้งเซ็นเตอร์และแบ็กขวา หลังแจ้งเกิดในทัวร์นาเมนต์ระดับโลกจนมีหลายสโมสรจับตา
  

• โรเมโอ ลาเวีย (Roméo Lavia) มิดฟิลด์ตัวกลางวัย 21 ปี ที่โชว์คลาสเหนือในเกมชนะลิเวอร์พูล 3-1 แต่ต้องเร่งพิสูจน์ตัวเองด้านความฟิต หลังเจออาการบาดเจ็บเล่นงานถึงสองฤดูกาลติด
  
  

ฤดูกาล 2025-26 จะเป็นบททดสอบสำคัญว่าเชลซีสามารถแปลงศักยภาพบนกระดาษให้กลายเป็นความสำเร็จในสนามได้จริงหรือไม่ และมาเรสก้าจะจัดการทีมที่มีความสามารถล้นเหลือให้อยู่ภายใต้ระบบเดียวกันได้อย่างไร — โดยไม่มีเวทีเล็กอย่างคอนเฟอเรนซ์ลีกไว้หมุนเวียนตัวอีกต่อไป