ปัญหาสำคัญของไบรท์ตันในฤดูกาลที่ผ่านมา คืออาการบาดเจ็บของผู้เล่นหลักและนักเตะใหม่จากการใช้เงินเสริมทัพกว่า 200 ล้านปอนด์ที่ยังปรับตัวไม่ได้ แต่ความมั่นใจในตัวฮือเซเลอร์ ยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ หลังเขาพาทีมกลับมาเล่นฟุตบอลที่กล้าได้กล้าเสียเช่นเดิม

ในฤดูกาลใหม่นี้ ความแข็งแกร่งในแนวรุกยังคงอยู่ โดยเฉพาะการได้ตัว ชาราลัมบอส คอสตูลาส กองหน้าดาวรุ่งวัย 18 ปี ทีมชาติกรีซ ที่ไบรท์ตันคว้าตัวมาด้วยค่าตัวเบื้องต้น 30 ล้านปอนด์ ท่ามกลางการแย่งชิงจากทีมใหญ่อย่างเชลซี โดยเขาถูกคาดหมายว่าจะกลายเป็นนักเตะกรีกที่ค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์

ไบรท์ตันเสีย ชูเอา เปโดร ให้กับเชลซีเช่นกัน แต่เสริมแนวรับใหม่เพื่อแก้ปัญหาเกมรับที่เสียถึง 59 ประตูเมื่อฤดูกาลก่อน ด้วยการคว้า ดิเอโก คอปโปลา เซ็นเตอร์แบ็กทีมชาติอิตาลี U21 และ โอลิวิเยร์ บอสคากลี จากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟน เข้ามาเสริม พร้อมกับ แม็กซิม เดอ คูย์เปอร์ แบ็กซ้ายดาวรุ่งจากเบลเยียม โดยเป้าหมายหลักคือการวางตัวแทนระยะยาวให้กับกัปตันทีม ลูอิส ดังค์ ที่เหลือสัญญาอีกเพียงปีเดียว

ในแดนหน้า อดีตดาวรุ่งลิเวอร์พูล สเตฟานอส ซิมาส และฮีโร่ของซันเดอร์แลนด์ในเกมเพลย์ออฟอย่าง ทอมมี่ วัตสัน จะเข้ามาเป็นตัวเลือกเสริม นอกจากนี้ การที่ ไคโอรุ มิโตมะ ยังอยู่กับทีมแม้จะมีข่าวย้ายออก ก็ถือเป็นข่าวดีสำหรับแฟนบอล

ในตำแหน่งผู้รักษาประตู บาร์ต เวอร์บรุกเกน จะได้รับโอกาสต่อเนื่องหลังเคยพลาดง่ายๆ หลายครั้งในฤดูกาลที่แล้ว แต่สโมสรยังเชื่อมั่นในศักยภาพของนายด่านวัย 22 ปีรายนี้ ขณะที่ เจมส์ บีเดิล นายทวารทีมชาติอังกฤษ U21 ถูกปล่อยให้เบอร์มิงแฮมยืมตัวไปเก็บประสบการณ์

ด้านนอกสนาม ไบรท์ตันยังคงบริหารงานด้วยความมั่นคง โดยโทนี่ บลูม ประธานสโมสรที่ลงทุนกับทีมไปแล้วกว่า 400 ล้านปอนด์ และซีอีโอ พอล บาร์เบอร์ ที่เพิ่งต่อสัญญายาวถึงปี 2030 แม้จะเพิ่งขายหุ้นบางส่วนในทีมฮาร์ทส์ของสกอตแลนด์ไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา